“ซีแพค กรีน โซลูชัน” ตอกย้ำความเป็นผู้นำ ยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างไทยล่องใต้

“ซีแพค กรีน โซลูชัน” ตอกย้ำความเป็นผู้นำ ยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างไทยล่องใต้ เปิดประสบการณ์ใหม่ให้วงการออกแบบอีกครั้งในงานเสวนา “CPAC Green Solution ล้ำ เปลี่ยน โลก Roadshow” @สุราษฎร์ธานี

วันที่ 27 เมษายน 2565  ที่  ห้องบรรจงแกรนด์บอลรูม 1 โรงแรมบรรจงบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ซีแพค กรีน โซลูชั่น ผู้นำด้านนวัตกรรมการก่อสร้างเพื่อสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรม เปิดบูธ พร้อมจัดกิจกรรมเปิดโลกเทคโนโลยีการก่อสร้างยุคใหม่ กับ  CPAC Green Solution อัพเดทเทรนด์และนวัตกรรมการพัฒนางานก่อสร้างยุคใหม่ ตอกย้ำแนวคิด “ล้ำ เปลี่ยน โลก" นำโดย นายจตุพร สาเมือง ผู้อำนวยการ CPAC Solution Center สุราษฎร์ธานี โดยมี ผู้รับเหมาก่อสร้าง ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง และโครงการหมู่บ้านต่างๆให้ความสนใจเข้าร่วมจำนวนมาก 
 
นายจตุพร สาเมือง ผู้อำนวยการ CPAC Solution Center สุราษฎร์ธานี ในฐานะตัวแทนของบริษัทฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ซีแพค กรีน โซลูชั่น บุกตะลุยจัดกิจกรรมเสวนา “CPAC Green Solution ล้ำ เปลี่ยน โลก Roadshow” เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจ และประโยชน์ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาผลักดันนวัตกรรมก่อสร้าง (Digital &Construction Technology) ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านกระบวนการ ก่อสร้างแบบ “Turn Waste to Value” นับเป็นการยกระดับมาตรฐานงานก่อสร้างของประเทศไทยเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน มาแล้ว และล่าสุด ซีแพค กรีน โซลูชัน ได้เดินทางล่องใต้อีกครั้ง เพื่ออัพเดทเทรนด์และนวัตกรรม การพัฒนางานก่อสร้างยุคใหม่ตอกย้ำแนวคิด ล้ำ เปลี่ยน โลกจาก CPAC Green Solution เข้าถึงกลุ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นนวัตกรรมการก่อสร้างรูปแบบใหม่ด้วยเทคโนโลยีการขึ้นรูปโครงสร้างและตัวอาคารตามรูปแบบที่ต้องการ ลดระยะเวลาการทำงานใช้แรงงานน้อยลง ลดเศษวัสดุในไซด์งานก่อสร้างได้มากขึ้นด้วย


“การจัดงานครั้งนี้เพื่อแชร์องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการก่อสร้าง (Digital & Construction Technology) เพื่อ
สร้างความร่วมมืออันดีระหว่างผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันนี้ ตั้งแต่เจ้าของงานก่อสร้าง ผู้รับเหมา ช่าง
ผู้ให้บริการด้านการก่อสร้าง ผู้ออกแบบ ผู้ผลิตวัสดุ และผู้จำหน่ายวัสดุทั้งในระดับประเทศรวมถึงในระดับท้องถิ่น ทั้งนี้
ซีแพค กรีน โซลูชัน ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะศึกษานวัตกรรมใหม่ๆ และนำมาปรับใช้ เพื่อจุดมุ่งหมายที่จะช่วยยกระดับ
อุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศไทยให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงเรื่องการใช้ทรัพยากร
อย่างคุ้มค่า และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยกระบวนการ “Turn Waste to Value” คือการเปลี่ยน Waste หรือ
ความสูญเสียให้เป็น Value หรือการสร้างผลประโยชน์คืนกลับสู่สังคม ผ่านการพัฒนานวัตกรรมโซลูชันครบวงจรด้วย
CPAC Green Solution โดยมีการนำแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ยึดหลัก ESG 4 Plus ของ SCG มาใช้ในการ
ดำเนินงานคือ มุ่ง Wet Zero - Go Green - Lean เหลื่อมล้ำ - ร่วมมือ - Plus เป็นธรรม โปร่งใส"
สำหรับ ซีแพค กรีน โซลูชัน มีโซลูชันที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าครบ จบที่เดียว ตั้งแต่เริ่มกระบวนการก่อสร้าง
(Pre Construction) ระหว่างการก่อสร้าง (Construction) รวมไปถึงหลังการก่อสร้าง (After Construction)
โดยแบ่งเป็นกลุ่มตามโซลูชัน ดังนี้
1.กลุ่มโซลูชันสำหรับงานสำรวจ และงานออกแบบ รวมไปถึงการควบคุมงานก่อสร้าง ได้แก่
1) CPAC Drone Solution โซลูชั่นสำหรับการสำรวจพื้นที่ โดยใช้โดรนบินสำรวจ และนำข้อมูลมาออกแบบ
จัดทำผังโครงการ ลดระยะเวลาในการสำรวจและลดความผิดพลาดในการก่อสร้าง เพิ่มประสิทธิภาพการใช้
พื้นที่
2) CPAC BIM ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารงานก่อสร้าง เพื่อช่วยให้เห็นภาพงานก่อสร้างในทุกขั้นตอน
2.กลุ่มโซลูชันสำหรับงานก่อสร้าง ได้แก่
1) CPAC 3D Printing Solution โซลูชันการก่อสร้างรูปแบบใหม่โดยเครื่องพิมพ์แบบ 3 มิติ ขึ้นรูปด้วย
ปูนซีเมนต์เป็นรูปผนังอาคาร หรือชิ้นส่วนของอาคาร ตลอดจนชิ้นงานสำหรับตกแต่ง โดยสามารถทำการพิมพ์
ขึ้นรูปทั้งแบบในพื้นที่ก่อสร้างเลย (on-site) และแบบผลิตจากโรงงาน (off-site) ช่วยลดการเกิดของเสียจาก
กระบวนการก่อสร้างลงอย่างน้อย 70% เมื่อเปรียบเทียบกับระบบหล่อในที่
2) CPAC Housing and Building Solution ก่อสร้างที่พักอาศัยที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยอยู่อย่างสะดวกสบาย และ
คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการก่อสร้าง ลดการใช้แรงงาน และ ลดเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการก่อสร้างที่
หน้างานได้มากกว่า เมื่อเทียบกับระบบหล่อในที่ ประกอบด้วย ระบบผนังสำเร็จรูป (Precast) เป็นการผลิต
ผนังสำเร็จรูปจากโรงงาน แล้วนำมาประกอบหรือติดตั้งที่หน้างาน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการก่อสร้าง ลด
เศษวัสดุเหลือใช้ที่ไซต์งานก่อสร้าง และ ระบบการก่อสร้างสำเร็จรูป PPVC (Prefabricated Prefinished
Volumetric Construction) เป็นวิธีการก่อสร้างรูปแบบหนึ่ง ที่เตรียมชิ้นงานเป็นหน่วย เป็นโมดูล หรือ
ลักษณะเป็นตู้ ที่มีระบบทุกอย่างประกอบเข้าไว้ด้วยกันแล้ว โดยทุกอย่างจะถูกผลิตตามมาตรฐานเฉพาะ เพื่อ
ป้องกันความคลาดเคลื่อน ผลิตแต่ละโมดูลออกมาจากโรงงาน แล้วนำมาประกอบหรือติดตั้งที่หน้างาน เป็น
การลดการใช้แรงงานให้น้อยลง ลดระยะเวลาในการก่อสร้าง เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย ลดเศษ
วัสดุเหลือทิ้ง เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ซึ่งยังเป็นการลดต้นทุนในการก่อสร้างได้อีกด้วย
3) CPAC Ultracrete Solution เทคโนโลยีคอนกรีตสมรรถนะสูงผสมเส้นใยเหล็กที่มีกำลังรับแรงอัดมากกว่า
1,500 ksc ก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของงานโครงสร้าง ตอบโจทย์แนวทางด้าน Low Carbon Construction ด้วย
นวัตกรรมงานโครงสร้างจากวัสดุคอนกรีตสมรรถนะสูง ร่วมกับเทคโนโลยีการออกแบบโครงสร้างแบบใหม่
โครงสร้างที่ใช้ CPAC Ultracrete Solution นี้จะใช้ปริมาณวัสดุคอนกรีตและเหล็กเสริมน้อยกว่าโครงสร้าง
คอนกรีตธรรมดา โดยลดการใช้วัสดุได้มากถึง 40% และทำให้สามารถลดขนาดโครงสร้างลงได้มากกว่า
20% เมื่อเทียบกับการใช้โครงสร้างทั่วไป ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม เหมาะกับการใช้
งานก่อสร้างโครงสร้างที่ต้องการรับแรงสูง เช่น สะพาน นอกจากนี้ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้สำหรับงาน
ตกแต่งด้านสถาปัตยกรรม เช่น Street Furniture หรือ Facade ตกแต่งอาคาร เป็นต้น


ด้าน ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมแบบจำลองสารสนเทศอาคาร เผยว่า “อุตสาหกรรมก่อสร้างเกิดการ
เปลี่ยนแปลงและการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล ดังนั้นจึงมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา
เพื่อพัฒนา ให้กระบวนการการดำเนินงานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถตอบ
โจทย์ผู้ใช้ในงานให้ได้มากที่สุด และอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ปัจจุบันนำเอาเข้ามาใช้ ได้แก่ BIM หรือ Building
Information Modeling เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการสร้างแบบครบวงจรที่มีความแม่นยำ ตั้งแต่การ
ออกแบบ การเขียนแบบ การคำนวณโครงสร้าง การประเมินราคา การวางแผนระบบต่างๆ ของอาคาร ฯลฯ
“ด้วยเทคโนโลยีของ BIM สามารถเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา การออกแบบก่อสร้าง
อาคารเราจะใช้พิมพ์เขียว (Blueprint) ในการสร้างแบบจำลอง ซึ่งสามารถก่อให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย เพราะ
ในการก่อสร้างแต่ละครั้งย่อมจะต้องมีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้แม่แบบพิมพ์เขียวมีหลากหลาย
โดยเฉพาะหากมีการแก้ไขแบบแล้วผู้เกี่ยวข้องแต่ละฝ่ายไม่ทราบก็ส่งผลให้เกิดความเสียหาย ล่าช้า เป็นต้น โดย BIM
จะเข้ามาช่วยลดขั้นตอนความซับซ้อนตรงนี้ ซึ่งหลักการทำงานของ BIM คือทุกคนที่เกี่ยวข้องในระบบนิเวศน์ของ
โครงการก่อสร้างจะทำงานบนแพลตฟอร์มเดียวกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ แพลตฟอร์มที่ว่านี้จะเป็นระบบ 3 มิติ ดังนั้น
จะทำให้เห็นภาพได้ง่ายและเข้าใจในสิ่งเดียวกัน ระบบสามารถตรวจสอบความขัดแย้งต่างๆ และสามารถแก้ไขได้
ทันท่วงที ก่อนที่การก่อสร้างจะเริ่มต้น ทำให้ลดการสูญเสีย อีกทั้งเจ้าของโครงการก็สามารถตรวจสอบความก้าวหน้า
ได้ทุกเวลาและแจ้งแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนได้ทันท่วงที
“ปัจจุบัน ซีแพคและอีกหลายๆ บริษัท ก็ได้มีการนำ BIM เข้ามาใช้ ยกตัวอย่างเช่น โครงการหมู่บ้านจัดสรรศิริพร
อ.ไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี, โครงการโรงน้ำแข็งโชคมาดา อ.เมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และโครงการ
โรงแรมจันทรสมสปา จ.ระนอง ฯลฯ สำหรับแนวโน้มในอนาคตมองว่า BIM จะต้องเข้ามาปฏิวัติวงการก่อสร้างทั้ง
ในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้นทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจวงการก่อสร้างจะต้องปรับตัวเข้าสู่ทิศทางการ
ทำงานของ BIM เพื่อให้เราสามารถแข่งขันในธุรกิจนี้ต่อไปได้” ศ.ดร.อมร กล่าวปิดท้าย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สุราษฎร์ฯ//จัดงานแถลงข่าวและประชุมเพื่อเตรียมความพร้อม โครงการปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานเพื่อเฉลิมพระเกียรติ

“แพทย์แผนไทยครบวงจร มหานครแห่งภูมิปัญญา เมืองสุราษฎร์ธานี” ครั้งที่2

(สำนักงาน ป.ป.ช ภาค8) จัดกิจกรรมการประชุม เชิงปฏิบัติการชมรมฯ STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริต ในพื้นที่ 7จังหวัด ภาค๘