“บิ๊กเกรียง” นั่งประธาน อนุ ปปง. ปราบปรามการสนับสนุนเงินก่อการร้าย

เปิดคำสั่ง ปปง. แต่งตั้ง “บิ๊กเกรียง” ผู้ช่วย ผบ.ทบ. นั่งประธานอนุกรรมการ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนเงินก่อการร้ายฯ ควบ รอง ปธ.อนุกรรมการ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หลัง ปปง.มีคำสั่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ 10 คณะร่วมทำงาน มีชื่อ “บิ๊กเจ้า” ผบช.น.เป็นรองประธาน ทำงานควบคู่กันทั้งกองทัพและผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

เมื่อเร็วๆ นี้ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ประธาน ปปง.) ได้ลงนามในคำสั่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่ 1 / 2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ทั้งหมด 10 คณะ ประกอบด้วย
ทั้งนี้ ในคณะอนุกรรมการของ ปปง. แต่ละคณะ นอกจากผู้แทนหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังปรากฏชื่อ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผู้ช่วย ผบ.ทบ.) ได้รับการแต่งตั้งเป็น ประธานอนุกรรมการประสานงานการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ.2559 และมี พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นรองประธานอนุกรรมการ คนที่ 2 ด้วย
ส่วนคณะอนุกรรมการประสานงานการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มีที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของ ปปง. เป็นประธานอนุกรรมการ และมี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ เป็นรองประธานอนุกรรมการคนที่ 1 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง เป็นรองประธานอนุกรรมการ คนที่ 2

นอกจากนี้ในคณะอนุกรรมการดังกล่าว ยังมีผู้แทนจากส่วนราชการอื่น อาทิ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงต่างประเทศ ฯลฯ เข้าร่วมเป็นอนุกรรมการทั้ง 2 คณะนี้ด้วย
พล.อ.เกรียงไกร ติดร้อยตรีเมื่อปี 2529 เริ่มรับราชการครั้งแรกที่กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 25 (ร.25 พัน3) ค่ายวิภาวดีรังสิต จ.สุราษฎร์ธานี และชีวิตราชการเติบโตอยู่ภายในกองทัพภาคที่ 4 มาตลอด เคยเป็นผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 42 เปิดยุทธการไล่ล่าโจรจีนคอมมิวนิสต์ หรือ จคม. เคยเป็นเสนาธิการจังหวัดทหารบกปัตตานี รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 และเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 4 เมื่อปี 2562 ก่อนผงาดขึ้นเป็นแม่ทัพในปีถัดมา เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 คนที่ 13 นับตั้งแต่ไฟใต้ปะทุขึ้นมาเมื่อปี 2547

พล.อ.เกียงไกร ถือว่าเป็นทหารสายบู๊ถึงลูกถึงคน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง เวลามีปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้น ยิงปะทะ แต่ก็เป็นคนมีบุคลิกที่ชาวบ้านเข้าถึงได้ง่าย มีความเป็นกันเอง ทั้งมีคอนเนคชั่นหลากหลายวงการและมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับภาคประชาสังคมหลากหลายกลุ่มจนเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนในช่วงที่ทำงานอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

สมัยดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 พล.อ.เกรียงไกร ประสบเหตุเฮลิคอปเตอร์ “แบล็กฮอว์ก” ลงจอดฉุกเฉินที่ อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 15 ก.ค.65 ขณะเดินทางลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อไปปฏิบัติภารกิจ โดย พล.อ.เกรียงไกร ได้รับบาดเจ็บ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนานหลายเดือน แต่ก็ไม่เคยทิ้งงาน เซ็นเอกสารแม้ช่วงที่พักฟื้นอยู่โรงพยาบาล กระทั่งได้ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. เข้าไลน์ 5 เสือ ทบ.ในปีสุดท้ายของชีวิตราชการ
ส่วน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง หรือ “บิ๊กเจ้า” เป็นตำรวจน้ำดี สไลด์จากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เข้าดำรงตำแหน่ง “แม่ทัพนครบาล” แบบพลิกความคาดหมาย ในการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 65 ที่ผ่านมา ตั้งแต่รับตำแหน่งสามารถสะสางคดีใหญ่ๆ ได้มากมาย แม้หลายคดีที่เกิดขึ้นในความรับผิดชอบจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ตำรวจ และถูกวิจารณ์จากสังคม แต่เจ้าตัวก็มุ่งมั่นแก้ไขปัญหา ไม่ตอบโต้ผ่านสื่อ กระทั่งฝ่ากระแสต่างๆ มาได้ และได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“บิ๊กเจ้า” ยังได้รับการยอมรับในแง่ของความใจซื่อ มือสะอาด ตรงไปตรงมา และเข้มในระเบียบวินัย โดยยังเหลืออายุราชการอีก 1 ปี จะเกษียณในปี 2567

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สุราษฎร์ฯ//จัดงานแถลงข่าวและประชุมเพื่อเตรียมความพร้อม โครงการปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานเพื่อเฉลิมพระเกียรติ

สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดสุราษฎร์ธานีส่งทีมช่วยน้ำท่วมใต้

“แพทย์แผนไทยครบวงจร มหานครแห่งภูมิปัญญา เมืองสุราษฎร์ธานี” ครั้งที่2